ไทยกินขาดธุรกิจสารกำจัดศัตรูพืช

13.8.55
โดยข่าวสด เมื่อ 13 ส.ค.2555

สุโขทัย - ดร.วีรวุฒิ กตัญญูกุล นายกสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร กล่าวถึงธุรกิจสารกำจัดศัตรูพืชในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ม.ค.2558 ว่าเปรียบเทียบแล้วประเทศไทยมีข้อได้เปรียบชาติอาเซียนด้วยกัน ในการขึ้นทะเบียนสารกำจัดศัตรูพืช เนื่องจากการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยต้องทดสอบพิษวิทยา ในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GLP จากกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเท่านั้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องส่งตัวอย่างสารเคมีไปทดสอบพิษในห้องปฏิบัติการในต่างประเทศ เช่น อินเดีย และยุโรป

'การส่งตัวอย่างสารกำจัดศัตรูพืชไปทดสอบในห้องแล็บ GLP ต่างประเทศเป็นต้นทุนที่สูงมาก แต่อีกด้านหนึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูง เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เวลาจะไปขึ้นทะเบียนในประเทศกลุ่มอาเซียนก็จะง่ายขึ้น'

ในทางกลับกันหลายชาติในกลุ่มอาเซียน ไม่ว่าอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม พม่า กัมพูชา และลาว ยังไม่มีข้อกำหนดนี้ในการขึ้นทะเบียน

ถ้าเราจะไปจดทะเบียนเพื่อทำธุรกิจในบ้านเขาก็ง่ายกว่า เป็นโอกาสดีที่บริษัทไทยจะขยายฐานธุรกิจสารกำจัดศัตรูพืชในเออีซี อย่างไรก็ตาม แม้สารกำจัดศัตรูพืชผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนด้วยมาตรฐานที่สูง แต่ยังมีสิ่งที่น่าห่วงสำหรับประเทศไทย คือการใช้สารกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจ ที่ผ่านมาจึงมักเกิดปัญหาการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตั้งแต่การเลือกใช้ อัตราการใช้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ ตลอดจนการฉีดพ่นของเกษตรกร

'มันกระทบไปหมดทั้งตัวเกษตรกรเอง ในเรื่องต้นทุนการผลิต ความปลอดภัยในการใช้ไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง การดื้อยา และการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช ตรงข้าม ถ้ามีความรู้ความเข้าใจดีกลับจะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิต'
Read more ...

ตรวจผักตลาดสด-หาบเร่ พบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน

13.8.55
โดยผู้จัดการ เมื่อ 7 ส.ค.2555

ผลตรวจผักตลาดสดและหาบเร่ พบมีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน 38.1% ผักชีอันตรายสุด ที่ตลาดห้วยขวางพบสาร EPN เกินมาตรฐานยุโรป 102 เท่า มูลนิธิชีววิถีแนะปลูกผักกินเอง และเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้

วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.

ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN : Thailand Pesticide Alert Network) ร่วมกับ

นิตยสารฉลาดซื้อ 

แถลงผลการดำเนินการสุ่มตรวจผัก 7 ชนิด ได้แก่

1. กะหล่ำปลี

2. คะน้า

3. ถั่วฝักยาว

4. ผักกาดขาว

5. ผักบุ้งจีน

6. ผักชี และ

7. พริกจินดา

โดยสุ่มเก็บจากตลาดสดทั่วไป 2 ตลาด ได้แก่

- ตลาดห้วยขวาง และ

- ตลาดประชานิเวศน์ 

รวมถึง

- ผักที่ขายในรถเร่ 

ไปวิเคราะห์หาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง 2 กลุ่ม คือ

- กลุ่มออร์แกโนฟอสเฟต และ

- คาร์บาเมต 

ที่ ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

นายพชร แก้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกการคุ้มครองความปลอดภัยด้านอาหาร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 

กล่าวถึงผลการตรวจ ว่า ผักในตลาดสดทั่วไปและรถเร่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐาน 38.1% ใกล้เคียงกับผลการสุ่มตรวจผักที่มีตรามาตรฐาน Q ของกรมวิชาการเกษตรและผักที่ขายในห้างซึ่งพบว่ามี

ผักที่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐาน 43% 

ทั้งๆ ที่ผักดังกล่าวมีราคาแพงมากกว่าผักที่ขายในตลาดสดตั้งแต่ 2-10 เท่า

นายพชร กล่าวอีกว่า ผักที่พบสารพิษตกค้างมากที่สุดและอันตรายที่สุด คือ

ผักชี

โดยพบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 5 ชนิด ได้แก่

Carbofuran, 
Chlorpyrifos, 
EPN, 
Methidathion และ 
Methomyl 

โดยเฉพาะ

- ผักชีจากกูร์เมต์ มาร์เก็ต (สยามพารากอน) พบ Carbofuran เกินค่ามาตรฐาน 37.5 เท่า

- ผักชีจากตลาดประชานิเวศน์ พบ Carbofuran เกิน 56.5 เท่า ในขณะที่

- ผักชีจากตลาดห้วยขวาง พบ EPN เกิน 102 เท่า

ด้าน น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ผักที่ไม่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต ตกค้างเลย คือ

ผักบุ้งจีน 

เนื่องจากเป็นผักที่มักมีศัตรูพืชน้อยกว่าผักประเภทอื่นๆ สำหรับกะหล่ำปลี และผักกาดขาว ซึ่งมีความเสี่ยงในการพบสารเคมีตกค้างค่อนข้างมากนั้น การสำรวจครั้งนี้ พบว่า

มีการตกค้างของ Carbofuran และ Methomyl น้อยกว่ามาตรฐานที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มกอช.) และของสหภาพยุโรปกำหนดไว้

ซึ่งอาจเกิดจากช่วงที่สุ่มเก็บตัวอย่างนั้น ยังไม่ใช่ฤดูกาลที่ศัตรูพืชของผักประเภทนี้ระบาดทำให้มีการใช้สารเคมีน้อยกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม แม้ไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่หากได้รับบ่อยๆ ก็จะสะสมในร่างกายจนก่อให้เกิดอันตรายได้

น.ส.ปรกชล กล่าวอีกว่า เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เตรียมยื่นเรื่องไปยังกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำเนินการควบคุมการส่งเสริมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของบริษัทสารเคมี และเกษตรกรให้เข้มงวดเท่าเทียมกับที่มีมาตรการที่ใช้กับผักส่งออก และให้การยกเลิกการขึ้นทะเบียนและห้ามมิให้มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่หลายประเทศห้ามใช้แล้วโดยทันที นอกจากนี้ จะยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้มีมาตรการในการสุ่มตรวจดูความปลอดภัยของผักและผลไม้ด้วย

“สำหรับผู้บริโภคสามารถลดผลกระทบจากปัญหานี้ได้ โดยการเลือกซื้อ หรือบริโภคผักที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อย อาทิ ผักพื้นบ้าน ผักที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ หรือปลูกผักเพื่อบริโภคเอง โดยอาจหาข้อมูลเบื้องต้นได้จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องส่วน การลดสารเคมีตกค้างในผัก สามารถทำได้โดยการล้างน้ำหลายๆ ครั้ง หรือการใช้ด่างทับทิม แต่อาจไม่ได้ผลเสมอไป เพราะสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดเป็นประเภทดูดซึม” น.ส.ปรกชล กล่าว
Read more ...